วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อาเซียน


"ประชาคมอาเซียน" (ASEAN Community) เกิดจากสมาคมแห่งประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (The Association of Southeast Asian Nations-ASEAN) หรือ "อาเซียน" โดยอาเซียนเดิม ได้ถือกำเนิดจากการประกาศ "ปฏิญญากรุงเทพฯ" (Bangkok Declaration) โดยมีประเทศสมาชิกเมื่อเริ่มก่อตั้งรวม 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และ สิงคโปร์ เมื่อปี 2510 เพื่อ ส่งเสริมความร่วมมือและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และ การบริหาร

http://www.thaingo.org/images3/asean_logo.gifช่วง ก่อตั้งอาเซียนได้ผ่านการพัฒนาหลายด้าน มีการประกาศปฏิญญาอีกหลายฉบับ เพื่อขยายความร่วมมือให้ใกล้ชิดและหลากหลายในหลายเรื่องได้แก่ปฏิญญาว่าด้วย เขตแห่งสันติภาพและความเป็นกลาง (Declaration on the Zone of Peace, Freedom and Neutrality) ในปี 2514 ปฏิญญาสมานฉันท์อาเซียน (Declaration of ASEAN Concord) ซึ่งมีการตกลงก่อตั้งสำนักเลขาธิการอาเซียนขึ้นที่ กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย สนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia) หรือ TAC ซึ่งกำหนดหลักการในการดำเนิน ความสัมพันธ์ในภูมิภาคของอาเซียนช่วงหลังสงครามเย็นสิ้นสุดลง อาเซียนได้ขยายวงสัมพันธภาพออกไปสู่ประเทศโดยรอบที่เคยอยู่ในค่าย คอมมิวนิสต์มาก่อน และเพิ่มสมาชิกขึ้นเป็น 10 ประเทศ โดยเวียดนาม ได้เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2538 ประเทศสาธารณรัฐประชาชนลาว และพม่า ในปี 2540 และ กัมพูชาได้เป็นสมาชิกรายที่ 10ซึ่งเป็นรายสุดท้ายที่เข้าร่วมในอาเซียน เมื่อปี 2542เมื่อเดือนธันวาคม 2540 ผู้นำอาเซียน

ได้รับรองเอกสาร "วิสัยทัศน์อาเซียน 2020" กำหนดเป้าหมายหลัก 4 ประการ เพื่อมุ่งพัฒนาอาเซียนไปสู่ "ประชาคมอาเซียน" (ASEAN Community)ให้เป็นผลสำเร็จภายในปี 2563 (ค.ศ. 2020) ซึ่งจะประกอบด้วย "เสาประชาคมหลักรวม 3 เสา" ได้แก่ ประชาคมความมั่นคงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และ ประชาคมสังคม-วัฒนธรรมอาเซียน รวมทั้งจัดโครงสร้างองค์กรของอาเซียน รองรับภารกิจและพันธกิจ รวมทั้งแปลงสภาพอาเซียนจากองค์กรที่มีการรวมตัวหรือร่วมมือกันแบบหลวมๆเพื่อ สร้างและพัฒนามาสู่สภาพการเป็น "นิติบุคคล" ซึ่งเป็นที่มาของการนำหลักการนี้ไปร่างเป็น "กฎบัตรอาเซียน" ซึ่งทำหน้าที่เป็น "ธรรมนูญ" การบริหารปกครองกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศซึ่งผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังปรากฏตามสโลแกนที่ว่า "สิบชาติ หนึ่งอาเซียน"

http://www.thaingo.org/images3/asean_summit.jpgจุดเริ่มต้นที่เป็นรูปธรรมได้สร้างความ เป็น "ประชาคมอาเซียน" เกิดขึ้นภายหลังจากการประชุมอาเซียนซัมมิท ครั้งที่ 14 โดยการประกาศใช้ "กฎบัตรอาเซียน" (ASEAN Charter) จะมีวิถีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และสำคัญ คือเป็นการปรับองค์กรในการทำงานแบบ การรวมกลุ่มที่มี "กฎ" เป็นฐานที่สำคัญ (Rule-Based) สมาชิกทั้ง 10 ประเทศจะต้องปฏิบัติตามพันธะข้อตกลง มีการกำหนด "กลไกระงับข้อพิพาท" พร้อมกับสร้าง "อาเซียน" ให้มีสถานะเป็น "นิติบุคคล" มีการปรับให้เป็นองค์กรที่มี "ประชาชน" เป็นศูนย์กลาง ทำให้เกิดประสิทธิภาพของการรวมกลุ่มมากขึ้น ทำให้เกิด "กระบวนการตัดสินใจ" จาก การประชุมระดับผู้นำ ซึ่งจะปรากฏเป็น คณะมนตรี หรือ (Councils) ของอาเซียนขึ้นทำหน้าที่เป็น 3 เสาหลัก ได้แก่ เสาหลักทางด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมมีการเพิ่มอำนาจ "สำนักเลขาธิการ" (Secretariat) และผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ (Secretary General) นอกจากนี้ ประชาคมอาเซียนยังมีการจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอ และลดช่องว่างระหว่างสมาชิกของอาเซียนลงวัตถุประสงค์ที่ปรากฏใน

"กฎบัตร" แยกตามเสาหลักที่สำคัญทั้ง 3 เสา อาจสรุปให้เห็นเป็นสังเขป ดังนี้

เสาหลักด้านการเมืองและความมั่นคงของภูมิภาคอาเซียน เมื่อเป็นประชาคมอาเซียนแล้ว ได้แก่ สนับสนุนส่งเสริม สันติภาพ ความมั่นคง การปกครองแบบประชาธิปไตย การปกครองแบบธรรมาภิบาล การส่งเสริมให้บรรลุความเจริญร่วมกันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ประชาคมเป็นภูมิภาคที่เปิดกว้าง มีพลวัตร และยืดหยุ่นได้ในการตั้งรับภาวะผันผวนของเศรษฐกิจ มีหลักประกันที่จะทำให้เกิดสันติสุขในอาเซียน

http://www.thaingo.org/images3/asean_9.jpgเสาหลักทางด้านเศรษฐกิจ มีการเน้นมุ่งพัฒนาให้เป็นตลาดร่วม (Single Market) และเป็นฐานการผลิตอันเดียวกัน (Single Production Base) ซึ่งจะต้องมีการไหลเวียนของสินค้า บริการ การลงทุนและแรงงานฝีมือทั่วทั้งภูมิภาคของประชาคมอาเซียนมีเงินทุนไหลเวียน โดยเสรี และมีสถานะการพัฒนาทางเศรษฐกิจในหมู่สมาชิกประชาคมที่เท่าเทียมกันรวมทั้ง เสริมสร้างเศรษฐกิจที่เจริญเติบโตอย่างมีเสถียรภาพด้านการเงิน การประสานในด้านนโยบายเศรษฐกิจระหว่างสมาชิกทั้ง 10 ประเทศ มีกฎระเบียบที่ดีด้านการเงิน ทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายการแข่งขันทางการค้า และการคุ้มครองผู้บริโภคทั้งประชาคมโดยกำหนดจะให้เร่งพัฒนาพร้อมเป็น "ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน" ให้ได้เร็วขึ้นจากกำหนดเดิมในปี2563 มาเป็นในปี 2558 แทน หรือเร็วขึ้นจากเดิมอีก 5 ปี

เสาหลักทางสังคมและวัฒนธรรมของประชาคมอาเซียน จะพุ่งเป้าไปที่การทำ ให้เห็นความสำคัญของประชากรในอาเซียน และเป็นสัมพันธภาพระหว่างประชากรของชาติหนึ่งไปสู่ประชากรของอีกชาติหนึ่ง รัฐสภาของ 10 ประเทศ จะประสานร่วมมือกันในกิจกรรมต่างๆ สมาชิกของประชาสังคมของสมาชิกจะไปมาหาสู่กันแลกเปลี่ยนใกล้ชิดระหว่าง บุคลากรด้านการศึกษา สถาบันต่างๆ และภาคธุรกิจภาคเอกชนในประเทศสมาชิก รวมทั้งการปฏิสัมพันธ์ของบุคคลชั้นมันสมอง มืออาชีพ ศิลปิน นักเขียนและสื่อสารมวลชนของทั้ง 10 ประเทศ

ลักษณะเด่นของกฎบัตรอาเซียนจะมีถ้อยคำที่ให้ตีความได้กว้างขวาง ยืดหยุ่น ทั้งในเชิงเป้าหมายและผลของการดำเนินการ อาเซียนมีวัฒนธรรมการตัดสินใจเช่นนี้ คือมีช่องให้ขยับขยายได้ ตีความได้ มีช่องให้ไม่พลาดรถเมล์คันสุดท้าย ขณะเดียวกันก็มีช่องที่เปิดไว้ ไม่ให้เชยและล้าสมัย
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC)
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอาเซียนและประเทศไทยอย่างน้อย 3 ประการ คือ
         1. อาเซียนกำลังจะมุ่งพัฒนาไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558
         2. กฎบัตรอาเซียน ซึ่งถือเป็นธรรมนูญฉบับแรกของอาเซียนในรอบ 40 ปี นับแต่มีการจั้ดตั้งและเป็นครั้งแรกที่มีการให้สถานะนิติบุคคลแก่อาเซียน ซึ่งกำลังจะมีผลบังคับใช้ และ
         3. ไทยกำลังจะเข้ารับตำแหน่งประธานอาเซียนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมศกนี้ ไปจนถึงธันวาคมศกหน้า
 
          คำว่า "SUMMIT" เป็นภาษาอังกฤษ หมายถึง จุดปลายสุดของยอดเขา ความสำเร็จสูงสุดของกิจการหรือกิจกรรมใดๆ แต่ในทางรัฐศาสตร์ แต่คำว่า "SUMMIT" หมายถึง การประชุมระดับสูงสุดของผู้นำรัฐบาล หรือผู้นำสูงสุดขององค์กรใดๆ ที่จัดการประชุม

ประวัติความเป็นมา

          สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ก่อตั้งปฏิญญากรุงเทพมหานคร (Bangkok Declaration) ขึ้น เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2510 ณ วังสราญรมย์ ในกระทรวงการต่างประเทศ กรุงเทพมหานคร ซึ่งลงนามโดยรัฐมนตรีจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ...

          http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/48be2683.gif นายอาดัม มาลิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย

         
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/48be2683.gif ตุน อับดุล ราชัก บิน ฮุสเซน รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ ประเทศมาเลเซีย

         
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/48be2683.gif นายนาชิโช รามอส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์

         
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/48be2683.gif นายเอส ราชารัตนัม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐสิงคโปร์

         
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/48be2683.gif พันเอก (พิเศษ) ดร.ถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประเทศไทย

          การก่อตั้งดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อ ส่งเสริมความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างประเทศในภูมิภาค ธํารงไว้ซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงปลอดภัยทางการเมือง สร้างสรรคค์ความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรม การกินดีอยู่ดี บนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกัน

          ต่อมากลุ่มอาเซียนก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก โดย บูรไนดารุสซาลาม ได้เข้าเป็นสมาชิกในลําดับที่ 6 เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2527 สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เข้าเป็นสมาชิกลําดับที่ 7 เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2538 และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและสหภาพพม่า เข้าเป็นสมาชิกพร้อมกัน เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2540 ต่อมา กัมพูชา ก็เข้าเป็นประเทศสมาชิกเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2542 ทําให้ปัจจุบันอาเซียนมีสมาชิกรวมทั้งหมด 10 ประเทศ

          สถานการณ์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เปลี่ยนผ่านจากสภาวะแห่งความตึงเครียด และการเผชิญหน้า มาสู่สภาวะที่มีเสถียรภาพ ความมั่นคงและความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด จนกลายเป็นภูมิภาคที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และเป็นตัวอย่างของการรวมตัวของกลุ่มประเทศที่มีบทบาท และพลังต่อรองในเวทีการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ทําให้มีประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วมเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น และมีหลายประเทศในโลกสนใจที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์และกระชับความร่วมมือ กับอาเซียนในฐานะคู่เจรจา (Dialogue Partner)

          ซึ่ง ในปัจจุบันอาเซียนมีคู่เจรจา 9 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย, แคนาดา, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์, สหรัฐอเมริกา, สาธารณรัฐเกาหลี, อินเดีย, สาธารณรัฐประชาชนจีน, รัสเซีย และ 1 กลุ่มประเทศ คือ สหภาพยุโรป รวมทั้ง 1 องค์การระหว่างประเทศ คือ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) โดยอาเซียนกับคู่เจรจาเหล่านี้จะมีการปรึกษาหารือกันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในลักษณะการประชุมระดับเจ้าหน้าที่และการประชุมระดับรัฐมนตรี

          ความก้าวหน้าของอาเซียนดังกล่าว มีปัจจัยที่สําคัญจากความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างประเทศสมาชิก อันก่อให้เกิดบรรยากาศที่สร้างสรรค์ต่อความร่วมมือ และความเข้าใจอันดีต่อกัน โดยความร่วมมือในอาเซียน ที่สําคัญๆ ได้แก่...

          The image “http://hilight.kapook.com/img_cms/dookdik/ann-15_1.gif” cannot be displayed, because it contains errors. ความร่วมมือทางการเมือง

          อา เซียนตระหนักดีว่า ภูมิภาคที่มีสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง และความเป็นกลางจะเป็นพื้นฐานสําคัญ  ที่ส่งเสริมการพัฒนาประเทศให้เจริญรุดหน้า จึงได้ร่วมกันสร้างประชาคมอาเซียนให้เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ และสร้างเสริมความเข้าใจอันดีต่อกันในระหว่างประเทศสมาชิก ผลงานที่สําคัญที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ คือ สนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือกันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia: TAC) การประกาศให้ภูมิภาคอาเซียนเป็นเขตแห่งสันติภาพ เสรีภาพ และความเป็นกลาง (Zone of Peace, Freedom and Neutrality: ZOPFAN ) การก่อตั้งการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงใน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ASEAN Regional Forum: ARF) และ สนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia Nuclear Weapon-Free Zone Treaty: SEANWFZ)

          The image “http://hilight.kapook.com/img_cms/dookdik/ann-15_1.gif” cannot be displayed, because it contains errors. ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

          ปรากฏการณ์ของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคต่างๆ ของโลก และการแข่งขันทางการค่าที่เพิ่มมากขึ้น เป็นปัจจัยสําคัญที่ผลักดันให้อาเซียนตระหนักถึงความจําเป็นที่จะต่องรวมตัว กันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อปรับแนวการดําเนินนโยบายของตนให้สอดคล้อง และเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ในปี พ.ศ.2535 อาเซียนจึงได้ตกลงจัดตั้งเขตการค่าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area: AFTA) ขึ้น เพื่อที่จะส่งเสริมการค้าระหว่างกัน โดยการลดภาษีศุลกากรให้แก่สินค้าส่งออกของกันและกัน และดึงดูดการลงทุนจากภายนอกภูมิภาคให้เข้ามาลงทุนในภูมิภาคมากยิ่งขึ้น เขตการค่าเสรีอาเซียนนี้จะบรรลุผลสมบูรณ์สําหรับสมาชิก 6 ประเทศแรกใน พ.ศ.2546 ตามด้วยเวียดนาม ในปี พ.ศ.2549 ลาวและพม่า ใน พ.ศ.2551 และกัมพูชาใน พ.ศ.2553

          นอกจากนี้ อาเซียนยังได้มีมาตรการต่างๆ ในการส่งเสริมการค้าการลงทุน และความร่วมมือกันในด้านอุตสาหกรรม การเงินและการธนาคาร และการบริการระหว่างกัน ที่สําคัญ ได้แก่ โครงการความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมอาเซียน (ASEAN Industrial Cooperation: AICO ) และ เขตการลงทุนอาเซียน (ASEAN Investment Area: AIA ) เป็นต้น นอกจากนี้ เพื่อให้อาเซียนเติมโต มีความเจริญก้าวหน้าและความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ และมีความมั่งคั่งร่วมกัน อาเซียนจึงได้มีข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน (Initiative for ASEAN Integration: IAI ) ขึ้น เพื่อที่จะลดช่องว่างทางการพัฒนาระหว่างสมาชิกเก่าและใหม่ของอาเซียนด้วย

          The image “http://hilight.kapook.com/img_cms/dookdik/ann-15_1.gif” cannot be displayed, because it contains errors. ความร่วมมือเฉพาะด้าน

          นอก จากความร่วมมือทางการเมือง และเศรษฐกิจแล้ว อาเซียนยังให้ความสําคัญต่อความร่วมมือเฉพาะด้าน (Functional Cooperation) ระหว่างประเทศสมาชิก ได้แก่ ความร่วมมือในด้านการพัฒนาสังคม การศึกษา สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมและสนเทศ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการต่อต้านยาเสพติด ซึ่งล้วนเป็นพื้นฐานที่สําคัญในการพัฒนาประเทศ โครงการความร่วมมือเฉพาะด้านระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนนี้มีจํานวนมาก และครอบคลุมในทุกด้าน และมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาคมอาเซียนมี "ความไพบูลย์ร่วมกัน โดยการพัฒนาคน ความสามารถ ในการแข่งขันทางเทคโนโลยี และความเป็นปึกแผ่นทางสังคม" โครงการความร่วมมือที่สําคัญในด้านนี้ ได้แก่ การจัดตั้งเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน การประกาศให้อาเซียนเป็นเขตปลอดยาเสพติด

          ในปี พ.ศ.2558 แผนการดําเนินงานตามแผนปฏิบัติการอาเซียนเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ และการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งทั่วทั้งภูมิภาค เป็นต้น นอกจากนี้ อาเซียนยังได้จัดตั้งมูลนิธิอาเซียน เพื่อเสริมสร้างจิตสํานึกในความเป็นอาเซียน และพัฒนาทรัพยากรบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชน

          The image “http://hilight.kapook.com/img_cms/dookdik/ann-15_1.gif” cannot be displayed, because it contains errors. วัตถุประสงค์

          ปฏิญญาอาเซียน (The ASEAN Declaration) ได้ระบุว่า เป้าหมายและจุดประสงค์ของอาเซียน คือ

          1. เร่งรัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางสังคม และการพัฒนาวัฒนธรรมในภูมิภาค

          2. ส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค โดยการเคารพหลักความยุติธรรมและ หลักนิติธรรมในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาค ตลอดจนยึดมั่นในหลักการแห่ง กฎบัตรสหประชาชาติ


          ในโอกาสครบรอบ 30 ปีของการก่อตั้งอาเซียน ใน พ.ศ.2540 (ค.ศ.1997) ผู้นำของประเทศสมาชิกอาเซียนได้รับรอง "วิสัยทัศน์อาเซียน 2020" (ASEAN Vision 2020) โดยเห็นพ้องกันในวิสัยทัศน์ร่วมของอาเซียนที่จะเป็นวงสมานฉันท์ในภูมิภาค ตะวันออกเฉียงใต้ ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับภายนอก การใช้ชีวิตในสภาพที่มีสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง ผูกมัดกันเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนา ที่มีพลวัตและในประชาคมที่มีความเอื้ออาทรระหว่างกัน

          พ.ศ.2546 ผู้นำอาเซียนได้เห็นพ้องกันที่จะจัดตั้งประชาคมอาเซียน ที่ประกอบด้วย 3 เสาหลัก อันได้แก่ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community–ASC) ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community-AEC) และประชาคมสังคม-วัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community-ASCC) ภายใน พ.ศ.2563 ต่อมา ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 12 ที่เมืองเซบู ฟิลิปปินส์ ผู้นำประเทศอาเซียนตกลงที่จะเร่งรัดกระบวนการสร้างประชาคมอาเซียนให้แล้ว เสร็จภายใน พ.ศ.2558

                     การประชุมอาเซียน


ประชุมอาเซียนแต่ละปี จัดที่ไหนอย่างไร

          การประชุมสุดยอดอาเซียน หรือ ASEAN SUMMIT ครั้งที่ 1 จัดที่เกาะบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 23 – 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2519/ค.ศ.1976 หลังกำเนิดอาเซียนถึง 9 ปี อาเซียนในเวลานั้น มีสมาชิกเพียง 5 ประเทศ ซึ่งเป็นสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียนมาด้วยกันโดยการประกาศปฏิญญาที่ กรุงเทพฯ การที่ผู้นำประเทศไม่มีโอกาสประชุมร่วมพร้อมๆ กันอย่างเป็นทางการนานถึง 9 ปี หลังกำเนิดอาเซียน สะท้อนความสัมพันธ์ที่ยังไม่แนบแน่น และความไม่พร้อมในการร่วมประสานประโยชน์ของชาติระหว่างกัน

          กาลเวลาผ่านไป หลังการประชุม ASEAN SUMMIT ครั้งที่ 1 แล้ว อาเซียนจัดการประชุมสุดยอดผู้นำบ่อยขึ้น แม้จะไม่เป็นประจำทุกปี

          การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 2 จัดที่กัวลาลัมเปอร์ ในปีถัดมา ว่างเว้นไป 10 ปี จึงจัดการประชุม ครั้งที่ 3 ที่มะนิลา อีก 5 ปี พบกันอีกครั้งที่ 4 ที่สิงคโปร์ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งแรก ที่กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.2538 ซึ่งเป็นการประชุมสุดยอดครั้งที่ 5 ครบการหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดประชุมของ 5 ประเทศผู้ก่อตั้งอาเซียน สรุปว่ามีการประชุมสุดยอดกัน 5 ครั้ง ในช่วงเวลาที่ยาวนานถึง 28 ปี จากนั้นผู้นำอาเซียนก็พบกันแบบไม่เป็นทางการสองครั้ง ที่อินโดนีเซีย ในปี พ.ศ.2539 และ ที่มาเลเซีย ปี พ.ศ.2540

          ASEAN SUMMIT ครั้งที่ 6 จัดที่ ฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม หลังเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกใหม่ 3 ปี มีการประชุมสุดยอดแบบไม่เป็นทางการคั่นอีกสองครั้งที่ ฟิลิปปินส์ และ สิงคโปร์ จากนั้น บรูไนดารุสซาลาม สมาชิกลำดับที่ 6 อาสาเป็นเจ้าภาพ ASEAN SUMMIT ครั้งที่ 7 ในปี พ.ศ.2544 และการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเริ่มจัดเป็นประจำทุกปีต่อเนื่องจากนั้นเป็นต้นมา

          ครั้งที่ 8 ปี พ.ศ.2545 ที่พนมเปญ ครั้งที่ 9 ปี พ.ศ.2546 ที่ บาหลี อีกครั้ง เป็นครั้งที่ 2 ที่อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ ครั้งที่ 10 จัดที่เวียงจันทน์ ปี พ.ศ.2547 รัฐบาลลาวในฐานะรัฐสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้ามาได้ 7 ปี ทุ่มเทหัวใจให้กับการเป็นเจ้าภาพถึงขนาดลงทุนสร้างบ้านพักใหม่ทั้งหมด ให้กับผู้นำอาเซียนทุกคนได้พักอยู่ระหว่างการประชุม ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน มิใช่อยู่โรงแรมดังที่จัดการกันโดยทั่วไป ASEAN SUMMIT ครั้งที่ 11 จัดที่กัวลาลัมเปอร์ พ.ศ.2548 เป็นรอบที่สองของเจ้าภาพมาเลเซีย แต่เกิดภัยธรรมชาติและปัญหาแทรกซ้อนทางการเมืองในประเทศ ทำให้ฟิลิปปินส์ขอเลื่อนการประชุมสุดยอด ครั้งที่ 12 ข้ามปี พ.ศ.2549 ไปจัดในปี พ.ศ.2550 ที่เมือง Cebu ซึ่งงานนี้ฟิลิปปินส์ก็จัดอย่างยิ่งใหญ่สมกับที่ต้องรอคอย

          ASEAN SUMMIT ครั้งล่าสุด ครั้งที่ 13 ครั้งล่าสุดที่ประเทศสิงคโปร์เป็นเจ้าภาพ จัดระหว่างวันที่ 18-22 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 สิงคโปร์หมดวาระการเป็นประธานอาเซียน ส่งต่อหน้าที่ตามลำดับอักษรชื่อประเทศให้กับราชอาณาจักรไทย ซึ่งเริ่มเป็นประธานอาเซียนมาตั้งแต่ เดือนสิงหาคมปี พ.ศ.2551 กำหนดจะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนตามหน้าที่ ซึ่งจะมีโอกาสเดียวในรอบ 10 ปี โดยจะจัดที่กรุงเทพฯ เดือนธันวาคม พ.ศ.2551

          แต่ปัญหาการประท้วงทางการเมืองทำให้รัฐบาลไทยต้องพยายามอย่างหนักในการยึด กำหนดการเดิมและรักษาชื่อเสียงของชาติไว้ โดยไม่เลื่อนและย้ายสถานที่ประชุมไปจังหวัดเชียงใหม่ แต่แล้วก็จำต้องเลื่อนการประชุมออกไป ด้วยความผันแปรทางการเมืองที่นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ท่ามกลางความแตกต่างด้านนโยบายและพื้นฐานความคิดทางการเมืองของทั้งสองพรรค มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือความมุ่งมั่นที่จะเป็นสมาชิกที่ดีของอาเซียน และหนักแน่นในการรักษาชื่อเสียงเกียรติภูมิของชาติในการเป็นประธานอาเซียน และการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนต่อไป

          ซึ่ง กำหนดการใหม่ของการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 14 จะจัดระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ และ 1 มีนาคม พ.ศ.2552 ที่โรงแรมดุสิตรีสอร์ท ชายหาด อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

          ทั้งนี้ ไทยได้รับหน้าที่ประธานอาเซียนต่อจากสิงคโปร์ ภายหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ อาเซียน ครั้งที่ 14 ที่สิงคโปร์ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2551 การดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของไทยอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ เนื่องจาก...

          1. กฎบัตรอาเซียนจะมีผลใช้บังคับ

          2. มีการจัดทำแผนงานสำหรับการจัดตั้งประชาคมการเมืองความมั่นคง ประชาคมเศรษฐกิจ และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมเพื่อมุ่งไปสู่การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนใน พ.ศ.2558

          3. อยู่ในช่วงเวลาเดียวกับที่คนไทย คือ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน (วาระ 5 ปี ตั้งแต่ 1 มกราคม พ.ศ.2551 - 31 ธันวาคม พ.ศ.2555)


          โดยที่กฎบัตรอาเซียนกำหนดให้วาระการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนเป็นไปตามปี ปฏิทิน ดังนั้น หากกฎบัตรอาเซียนมีผลบังคับใช้ภายในปี 2551 ไทยจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือนคือ ตั้งแต่ กรกฎาคม พ.ศ.2551 – ธันวาคม พ.ศ.2552 แต่หากกฎบัตรฯ ยังไม่มีผลบังคับใช้ ไทยจะส่งมอบตำแหน่งประธานให้เวียดนามภายหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอา เซียน ครั้งที่ 42 ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2552 ตามแนวปฏิบัติเดิม

          ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน (อาเซียนที่ยังไม่มีและมีกฎบัตร) ไทยมีภารกิจต้องเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน 3 ครั้ง โดยกำหนดจะจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 วันที่ 15-18 ธันวาคม พ.ศ.2552 และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15 ปลายปี พ.ศ. 2552 รวมทั้งการประชุมสุดยอดอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Summit Retreat) ในช่วงไตรมาสแรกของปี พ.ศ.2552

          นอกจากนี้ ไทยยังได้รับการร้องขอ จากที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN FMs’ Retreat) ที่สิงคโปร์ ให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการใน ช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ.2552 ด้วย นอกจากนี้ ในระหว่างการเดินทางเยือนไทยของเลขาธิการสหประชาชาติเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2551 ไทยได้เสนอที่จะจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ต่อเนื่องจากการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ในวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.2551 ด้วย ขณะนี้ได้รับการตอบรับอย่างไม่เป็นทางการจากเลขาธิการสหประชาชาติแล้ว

โครงสร้างอาเซียนและประเทศในกลุ่มประชุมอาเซียน

          องค์กร สูงสุดของอาเซียน คือ ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนหรือที่ประชุมของประมุข หรือหัวหน้ารัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียน (ASEAN Summit) โดยจะมีที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ (ASEAN Ministerial Meeting) และที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers’ Meeting) เป็นองค์กรระดับรอง และอาจมีที่ประชุมระดับรัฐมนตรีด้านอื่นๆ ด้วย การประชุมระดับผู้นำและรัฐมนตรีถือเป็นองค์กรระดับนโยบายชั้นสูง รองลงมาจะเป็นที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส หรือระดับปลัดกระทรวง (Senior Officials’ Meeting -SOM) ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย และเร่งรัดการดำเนินการตามนโยบายของที่ประชุมระดับผู้นำและระดับรัฐมนตรี

          ส่วนที่ประชุมคณะกรรมการประจำอาเซียน (ASEAN Standing Committee -ASC) ซึ่งประกอบด้วยอธิบดีกรมอาเซียนของประเทศสมาชิก จะทำหน้าที่กำหนดแนวทาง และเร่งรัดการดำเนินการตามมติที่ประชุมสุดยอดอาเซียน และที่ประชุมระดับรัฐมนตรี รวมทั้งให้ความเห็นชอบโครงการความร่วมมือด้านต่างๆ ภายในอาเซียนและระหว่างอาเซียน กับประเทศคู่เจรจา ตลอดจนรับทราบผลการดำเนินงานของสำนักเลขาธิการอาเซียน ทั้งนี้ อาเซียนจะตัดสินใจในเรื่องใดๆ โดยใช้ฉันทามติ

          นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการอาเซียนในประเทศที่สาม (ASEAN Committee in Third Countries) ซึ่งประกอบด้วยเอกอัครราชทูตของประเทศสมาชิกอาเซียนในประเทศคู่เจรจาทั้ง 10 ประเทศ และในประเทศอื่นๆ ที่อาเซียนเห็นสมควรให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการอาเซียน ในประเทศที่สามจะทำหน้าที่ให้ข้อมูล และวิเคราะห์ท่าทีของประเทศที่คณะกรรมการอาเซียนตั้งอยู่

          สำนักเลขาธิการอาเซียน ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานในการดำเนินความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก มีเลขาธิการอาเซียนเป็นหัวหน้าผู้บริหารสำนักงาน เลขาธิการอาเซียนจะได้รับการเสนอชื่อและแต่งตั้งโดยประเทศสมาชิก (ตามลำดับตัวอักษรภาษาอังกฤษของชื่อประเทศสมาชิก) และมีรองเลขาธิการอาเซียน 2 คน มาจากประเทศสมาชิกอาเซียนเรียงลำดับตามตัวอักษรชื่อภาษาอังกฤษของประเทศ และมีหน่วยงานเฉพาะด้านที่ดำเนินความร่วมมือ ในด้านต่างๆ ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม

          ใน ขณะที่กรมอาเซียนของประเทศสมาชิก จะทำหน้าที่เป็นสำนักเลขาธิการแห่งชาติของแต่ละประเทศ ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ของประเทศตนในการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือในสาขาต่างๆ นโยบายหลักในการดำเนินงานของอาเซียนเป็นผลมาจากการประชุมหารือในระดับหัว หน้ารัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีในสาขาความร่วมมือต่างๆ ของประเทศสมาชิก

          อย่างไรก็ดี โครงสร้างของอาเซียน รวมทั้งสำนักเลขาธิการอาเซียนตามที่กล่าวมาข้าวต้นกำลังจะถูกปรับเปลี่ยนตาม กฎบัตรอาเซียนที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2552

ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่...

          http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/48be2683.gif บรูไนดารุสซาลาม
          http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/48be2683.gif ราชอาณาจักรกัมพูชา
          http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/48be2683.gif สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
          http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/48be2683.gif สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
          http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/48be2683.gif สหพันธรัฐมาเลเซีย
          http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/48be2683.gif สหภาพพม่า
          http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/48be2683.gif สาธารณรัฐฟิลิปปินส์
          http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/48be2683.gif สาธารณรัฐสิงคโปร์
          http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/48be2683.gif ราชอาณาจักรไทย
          http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/48be2683.gif สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น